ถ:
ฉันเป็นชาวมุสลิม
อ:
อย่างนั้นหรือ ยินดีต้อนรับ
ฉันก็เป็นชาวมุสลิมเหมือนกัน!
ถ:ท่านกล่าวว่า
พระเจ้าอาศัยอยู่ภายในเรา
อ:
คือว่า
ไม่ใช่ฉันเท่านั้น
ที่กล่าวว่าอย่างนั้น
ศาสดาทั้งมวลล้วนกล่าวว่าอย่างนั้น
ศาสดาของเธอก็กล่าวไว้อย่างเดียวกัน
พระมะหะหมัด
ผู้ก่อตั้งศาสนาของเธอกล่าวไว้อย่างเดียวกัน
พระองค์ยังกล่าวด้วยซ้ำไปว่า
ศาสนาทั้งมวลล้วนมาจากพระเจ้า
ถ:
ใช่!
ฉันเชื่อสิ่งนั้น
ท่านยังได้กล่าวว่า
เมื่อพระเจ้าอยู่ภายในเรา
เราก็เป็นพระเจ้าเช่นกัน
และฉันยังมีความรู้สึกแปลก ๆ
อยู่อีกความรู้สึกหนึ่ง
ฉันรู้สึกว่า ท่านเป็นฉัน และฉันเป็นท่าน
อ:
นั่นยอดเยี่ยมเลย
ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!
(ถ:
นั่นเป็นอะไรหรือเปล่า?)
นั่นเรียบร้อยดีเป็นอย่างยิ่ง
ยินดีต้อนรับสู่ความรู้สึกแบบเดียวกัน!
มารวมกลุ่มเดียวกัน
พวกเขาล้วนรู้สึกแบบเดียวกัน
(ท่านอาจารย์อ้างถึงผู้ฟัง)
ถ:
รู้สึกค่ะ
มันเป็นความรู้สึกที่ดีในหมู่คนของฉันเอง
จริง ๆ นะ
มันเป็นความรู้สึกปีติจริง ๆ
อ:
นั่นคือลักษณะ
ที่มันควรจะรู้สึก
แล้วเธอคำถามอีกไหม?
ถ:
ฉันมีอยู่อีกคำถามหนึ่ง
แต่จะให้ฉันถามอย่างเปิดเผยในกลุ่มคนอย่างนี้หรือ?
อ:
โอ
ถามอย่างเปิดเผยไปเลย!
ถ:
โอเค คือว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันคือว่า
ชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปเสียสิ้น
วันหนึ่งฉันกำลังง่วนอยู่กับโครงการโครงการหนึ่งของชั้นเรียนวาดรูป
มันเป็นภาพวาด
ที่พวกเขาบอกให้ฉันวาดภาพเหมือนของตัวเอง
และฉันเขียนคำภาษาอารบิคไว้บนนั้น
เป็นคำจากคัมภีร์อัลกุรอ่าน
นั่นก็คือตัวแท้ของฉัน
ฉันจึงไม่ทราบว่า ได้เกิดอะไรขึ้น
แต่พอฉันออกไปข้างนอก
ทุกอย่างก็แตกต่างไป
สิ่งต่าง ๆ ได้เกิดขึ้น
ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันมาก่อน
ผู้คนได้ปฏิบัติต่อฉันในลักษณะที่แตกต่างไป
และเมื่อครูเห็นภาพวาดของฉัน หล่อนก็บอกว่า
"นี่แหละ!
เธอมีมันแล้ว!"
อ:
โอ้โฮ!
ถ้าอย่างนั้น เธอคงจะมีมันจริง ๆ
!
ถ:
มันเป็นแค่ว่า
มันช่างท่วมท้นจิตใจ
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย
อ:
ถ้าอย่างนั้น
ตอนนี้คำถามคือว่าอะไร?
เธอไม่ชอบหรือ?
ถ:
ฉันชอบ!
แต่มันเป็นสิ่งที่เชื่อได้ยาก
ฉันสงสัยว่า มันคือจิตคิดของฉันกำลังเล่นตลกกับฉันหรือเปล่า
หรือว่ามันเป็นความจริงหรือไม่
อ:
คือว่า ถึงแม้ว่าถ้าจิตคิดของเธอกำลังเล่นตลกกับเธอ
มันก็เป็นการเล่นตลกที่ดี เป็นมายาภาพที่น่าพึงพอใจมาก
ถ:
ใช่ค่ะ!
และยังมีอีกอย่างหนึ่ง
ความฝันทุกอย่างของฉันและความปรารถนาของฉัน กลายเป็นความจริง
และมันไม่ใช่แค่ฉัน มันเป็นคนอื่น เช่น เพื่อนของฉัน
พวกเขากล่าวอะไรบางอย่างกับฉัน แล้วพวกเขามา แล้วมาบอกฉันว่า
"นี่
มันเกิดขึ้นแล้ว!"
อ:
คือว่า
ไม่ว่ามันจะคืออะไรก็ตาม จงสุขใจกับมัน!
เราเพียงแต่ต้องตระหนักรู้จักตัวเราเอง แล้วคนอื่นก็จะทำอย่างนั้น
พระศาสดาพึงพอใจในตัวเธอมาก
(เสียงปรบมือ)
พระองค์กล่าวกับฉันว่าอย่างนั้น
ถ้าเธอพึงพอใจกับตัวเธอเอง พระองค์ก็พึงพอใจด้วย
(ถ:
ขอขอบคุณค่ะ)
อย่ากังวลกับเรื่องนี้
ก็แค่ใช้ชีวิตของเธอต่อไป ทุกอย่างที่เราประสบในชีวิตของเรา จะผ่านพ้นไป
แล้วเราก็จะมีประสบการณ์อื่นที่ดีกว่า
มันดีขึ้นเสมอ ๆ
ถ:
ถ้าอย่างนั้น
ฉันควรจะมุ่งต่อไป และบอกครอบครัวของฉันกับเพื่อนของฉันได้ไหมว่า
ฉันเป็นผู้ปฏิบัติตามวิถีกวนอิม?
อ:
แค่บอกพวกเขาว่า เธอพบเพื่อนบางคน ผู้เชื่อในคัมภีร์กุรอ่าน และว่า
เพื่อนเหล่านี้ไม่เพียงเชื่อในคัมภีร์อัลกุรอ่าน
พวกเขายังใช้ชีวิตในวิถีของคัมภีร์กุรอ่าน
พวกเขามิเพียงเชื่อศาสดามะหะหมัดและคำสอนของพระองค์
แต่พวกเขาพยายามใช้ชีวิตตามคำสอนของพระองค์
และตามความเห็นของเธอหรือประสบการณ์ของเธอในการเชื่อมความสัมพันธ์กับเพื่อนเหล่านี้
เธอรู้สึกว่า พวกเขามีความจริงใจอย่างแท้จริง
ที่จะพยายามใช้ชีวิตให้ได้ตามมาตรฐานของคำสอนของพระศาสดา ค่อย ๆ ไปแบบนั้น
ถ:
ฉันชอบ
ใช่แล้ว!
ฉันคิดว่า นั่นจะเป็นสาระมากกว่า
อ:
ในคัมภีร์อัลกุรอ่านนั้น พระศาสดาได้เอ่ยไว้ด้วยว่า
ไม่ให้รับประทานเนื้อสัตว์
ถ:
พระองค์กล่าวว่าอย่างนั้นหรือ?
ฉันไม่ทราบเรื่องนั้น
อ:
ให้ไปอ่านดู ให้ศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่านให้มากขึ้น
ไปศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่านให้มากขึ้น
ก่อนที่เธอจะไปคุยกับบิดามารดาหรือญาติโยมของเธออีกครั้ง
จริง ๆ นะ
เธอจะเข้าใจแตกต่างไปคราวนี้
ทุกอย่างจะชัดเจนสำหรับเธอ ชัดเจนมากๆ
พระศาสดายังสอนด้วยว่า ไม่ให้ปฏิบัติแตกต่างไปในหมู่ผู้ที่ถือศาสนาต่าง ๆ
กันไป
แล้วผู้ติดตามทั้งหลายเหล่านั้น ผู้ซึ่งมีความคิดเห็นไม่ดีนั้น
ไม่ทำตามคำสอนของคัมภีร์กุรอ่านเลยแม้แต่น้อย
เธอควรศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่านมากขึ้น
ดูให้แน่ใจว่า
เธอทราบว่า เธอพูดเรื่องอะไร ฉันศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่านมาแล้ว
และคำสอนในนั้นเหมือนกับคำสอนของศาสดาอื่น ๆ เหล่านั้นทุกประการ
ฉันดีใจมาก ที่เธอมา ในท้ายที่สุด!
เรามีเพื่อนชาวมุสลิมอื่น ๆ จำนวนมากด้วย
ถ:
ฉันดีใจ ที่ท่านรู้เรื่องราว
เกี่ยวกับพระศาสดามะหะหมัดหลายอย่างเหลือเกิน
อ:
ฉันรู้ไม่มากขนาดนั้น แต่เราเป็นเพื่อนกัน
พระองค์บอกให้เป็นแขกที่ดีบนโลก ให้ใช้ชีวิตที่
"รุ่มรวย"
และให้เป็นแขกที่ดี พระองค์ไม่ได้บอกผู้คนให้บำเพ็ญทุกรกิริยาด้วย
เราควรร่ำรวยทั้งทางจิตวิญญาณและทางวัตถุ
ดังนั้น
ให้เป็นแขกที่ดีบนโลกและใช้ชีวิตที่รุ่มรวยที่นี่ พระมะหะหมัดกล่าวว่า
พระองค์เป็นแขกผู้หนึ่ง และว่า เราล้วนเป็นแขกที่นี่
พระองค์ทราบเรื่องนั้น
เราล้วนมาจากสวรรค์
เพราะฉะนั้น
พระองค์จะหมายความว่าอย่างไรอื่นได้เล่าที่ตรัสว่า เราเป็นเพียงแขกที่นี่?
พระองค์พูดถึงสวรรค์และพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีสิ่งใดอื่นมาจากโอษฐ์ของพระองค์
ทุก ๆ อย่างอื่นเกี่ยวกับการรบรา ฯลฯ
เป็นเพียงแค่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่พวกเขาข่มเหงพวกพระองค์
พวกเขาติดตามรอยพระบาทของพระองค์ไปทุกที่
และทำให้ชีวิตของศิษย์ของพระองค์เป็นดั่งนรก
ดังนั้น
บางครั้งพระองค์และศิษย์ของพระองค์จึงต้องป้องกันตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และในระหว่างการรบราเพื่อป้องกันตนเองเหล่านี้
บางคนก็จะไปตาย ขณะที่บางคนก็จะได้อยู่
ดังนั้น พระองค์ต้องปลอบโยนคนเหล่านั้น และพวกเขาบอกว่า
มันเป็นไปโดยบังเอิญ เพราะถ้าเธอต้องป้องกันตนเองและฆ่าคนอื่น
พระเจ้าจะยังคงนำพวกเขาไปสู่สวรรค์ เพราะเธอทำไปเพื่อเหตุที่ถูกต้อง
ดังนั้น
จึงมีคนบางคนนำความคิดนี้ไปใช้เพื่อก่อการสงครามในภายหลัง ซึ่งไม่ถูกต้อง
แต่คำสอนของพระศาสดานั้นถูกต้องเสมอมา
มันเป็นเพียงว่า บางครั้งเราเข้าใจผิดไป
และนั่นเป็นเรื่องที่น่าโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง
ถ:
ฉันดีใจมาก ที่ได้ยินเรื่องทั้งหลายเหล่านั้น
อ:
มันเกิดขึ้นในทุก ๆ ศาสนา
และก็เป็นจริงอย่างเดียวกันกับเรื่องการมีภรรยาหลายคน ฯลฯ
ในสมัยพระมะหะหมัดนั้น สมัยพระศาสดายังมีชีวิตอยู่นั้น
คำสอนของพระองค์นั้นก่อให้เกิดความโศกเศร้าและความโกรธเคืองเป็นจำนวนมาก
เพราะพระองค์ไม่ได้สอนเหมือนใครเลยในสมัยนั้น
พระองค์สอนว่า
สวรรค์อยู่ใกล้มือ
"จงมาหาฉัน
แล้วฉันจะแสดงให้ท่านเห็น"
พวกเขาคิดว่า
พระองค์ดูหมิ่นพระเจ้า แน่นอน ก็เหมือนพระเยซู ดังนั้น
พวกเขาจึงตามข่มเหงพวกพระองค์
พวกเขาคิดว่า
พระองค์ต้องการชื่อเสียงทางการเมือง และว่า พระองค์กำลังพยายามจะโด่งดัง
บางทีอาจในตำแหน่งต่อต้านรัฐบาล เพราะพระองค์เป็นที่รักของประชาชนมากเกินไป
และแน่นอน
ไม่ว่ารัฐบาลใดในสมัยนั้นก็จะรู้สึกถูกคุกคาม
แม้กระทั่งทุกวันนี้ บางรัฐบาลจะรู้สึกถูกคุกคาม
ถ้าพระศาสดาต้องฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งและนำประชาชน
ดังนั้นแน่นอน จึงเกิดการสงครามขึ้น
พวกเขาถูกคุกคาม และบางครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง
พวกเขาจึงต้องต่อสู้กับรัฐบาล
บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ต่อสู้ด้วยซ้ำ
แต่รัฐบาลและทหารบางทีอาจจะฆ่าตนเองหรือบางทีอาจถูกฆ่าด้วยความผิดพลาดบางครั้ง
ตัวอย่างเช่น
บางทีพวกเขาตั้งใจจะแทงดาบเข้าไปในตัวผู้เชื่อมุสลิม แล้วทันใด
ไม่รู้อย่างไร พวกเขาล้มลง แทงดาบเข้าไปในตนเอง
แต่พวกเขาก็จะโทษชาวมุสลิมว่าฆ่าพวกเขา
ดังนั้น ชีวิตพระศาสดาในสมัยนั้น
จะอยู่ในสภาวะการสงครามบ่อย ๆ กับการวิ่งหนีและการแอบซ่อนเสมอ
มันเป็นช่วงเวลาอันย่ำแย่เป็นอย่างยิ่งสำหรับพระองค์และผู้ติดตามของพระองค์
แต่กระนั้น ศรัทธาของพวกเขาแรงกล้ายิ่ง ดังนั้น
พวกเขาจึงรวมกลุ่มกันอยู่ได้
พวกผู้ชายจะก่อรูปเป็นโล่กำบังอยู่รอบ ๆ ผู้หญิงและครอบครัว
พวกเขาเป็นผู้ที่ลังเลใจจะเป็นทหาร
ระวังระไวพร้อมเสมอและคอยระวังเหตุการณ์
และกระนั้น
พวกเขาคือผู้ที่ต้องตายก่อน เพราะอยู่แนวหน้า
ดังนั้น หากพวกเขาตาย
ครอบครัวของพวกเขาก็จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
พระศาสดาผู้เมตตากรุณาจึงต้องบอกศิษย์ที่เหลืออยู่ว่า
"ชายแต่ละคนที่เหลืออยู่นั้น
ต้องดูแลภรรยาและลูกๆ ของพี่น้องของเขาดั่งเป็นภรรยาและลูก ๆ ของเขาเอง
แต่เฉพาะผู้ที่ดูแลได้"
นั่นคือเหตุ
ที่พระองค์สร้างกฎ
“ถ้าเธอรับภรรยา
2 หรือ
3
คนจากพี่น้องของเธอ เธอต้องให้พวกเขา
เหมือนกับที่เธอให้ภรรยาของเธอเองทุกประการ”
นั่นมีแต่จะเต็มไปด้วยความยุติธรรม
เพื่อปฏิบัติต่อครอบครัวของพี่น้องของเธอ ดั่งเป็นของเธอเอง
ที่นี่
เราก็ทำอย่างเดียวกัน นั่นคือความเป็นพี่น้องกัน
แล้วจากนั้น
แน่นอน เฉพาะผู้ที่สามารถทำได้ จึงควรทำอย่างนั้น
หากเธอไม่สามารถดูแลครอบครัวของตัวเธอเอง
เธอจะไปรับอีกครอบครัวมาได้อย่างไร?
นั่นยุติธรรม ยุติธรรมยิ่งและฉลาด
นั่นคือวิธี ที่ผองพี่น้องต่างก็ได้รับภรรยาและลูกๆ
ของกันและกันมา นั่นคือน้ำใจของความเป็นพี่น้องของกันและกัน
ถ้าพี่น้องของเธอเสียสละชีวิตของเขาเพื่อเธอและเพื่อครอบครัวของเธอ
เธอต้องดูแลภรรยาและลูก ๆ ของเขา หรือรับภรรยาของเขา หรือลูก ๆ ของเขา
อะไรก็ตามแต่ที่เธอทำได้ เธอก็ทำไป
แล้วเธอก็แบ่งทรัพย์สินของเธออย่างยุติธรรม
ในหมู่ภรรยาของเธอและภรรยาคนอื่น ๆ
และปฏิบัติต่อพวกเขาดั่งเป็นภรรยาของตัวเธอเอง
เหล่านั้นคือคำสั่งอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาของพระศาสดา
และเป็นแผนการอันทรงปัญญาในสมัยนั้น
มันเกิดขึ้นเพราะความจำเป็นแห่งยุคสมัย
ที่พวกเขาสามารถรับภรรยาเข้ามาได้มากกว่าความจำเป็นเพื่อตัวพวกเขา
แต่พวกเขาไม่ได้รับคนเข้ามาในฐานะเป็นภรรยาผู้หนึ่ง
แค่เป็นคนที่จะดูแล
ดังนั้น อาจารย์จำนวนมากทำสิ่ง ที่เราไม่เข้าใจกัน
เพราะสถานการณ์ไม่ใช่ อย่างที่เราคิดเสียทีเดียว
มันอาจดูเหมือนบางอย่าง ที่เราเข้าใจ แต่มันไม่ใช่
อ่านต่อ
~