ในวันอาทิตย์ที่
12
กันยายน
2547
ซึ่งเป็นวันที่พระอาทิตย์ส่องแสงสดใส
เต็มไปด้วยพระกรุณาธิคุณของพระเจ้า
ศูนย์จาการ์ต้าได้จัดพิธีประทับจิตสำหรับผู้แสวงหาสัจธรรม
และผมได้ถูกขอร้องให้ทำหน้าที่ธรรมบาลสำหรับเหตุการณ์นี้
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอยู่แล้ว ที่ได้เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของท่านอาจารย์
และรู้สึกเป็นสิทธิพิเศษทวีคูณ ที่ได้เป็นธรรมบาลในเหตุการณ์ที่เป็นมงคลนี้
ขณะที่พิธีประทับจิตได้เริ่มขึ้น
ผมก็ได้เป็นประจักษ์พยานถึงพลังของท่านอาจารย์ ที่ได้สัมผัสทุกคนที่ได้อยู่
ณ ที่นั้น เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่
ซึ่งเกิดขึ้นจากความรักอันสูงสุดของพระเจ้า หลายครั้งหลายหน
หลังจากที่ได้บำเพ็ญมาหลายปี
เพื่อนบำเพ็ญของเราดูเหมือนจะลืมถึงความรู้สึกและประสบการณ์เช่นนี้
ที่พวกเขาได้เคยมี ในระหว่างการประทับจิต ดังนั้น
จึงไม่ใสใจกับพลังพระพรอันยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์เหล่านี้ ด้วยเหตุผลนี้เอง
ผมจึงอยากจะเล่าประสบการณ์ของผม
เพื่อว่ามันอาจจะจุดประกายความทรงจำของผู้ประทับจิต
และให้ความหวังกับผู้อื่นได้
การประทับจิตได้เริ่มเหมือนเช่นปกติ
เว้นเสียแต่ว่าการแข่งขันบาสเกตบอลสด ควบคู่ไปกับเสียงดนตรี
กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่สนามกีฬาตรงข้ามศูนย์ แต่การประทับจิต
ก็ดำเนินต่อไป และผู้ที่เข้าร่วม ดูเหมือนจะไม่ได้ใสใจในเสียง
เนื่องจากพวกเขากำลังให้ความสนใจอย่างจริงจังกับคำอธิบายและคำสั่งของธรรมทูตกวนอิม
ไม่นานหลังจากที่เราได้เริ่มนั่งสมาธิ ขณะที่ผมกำลังยืนมองผู้ประทับจิตใหม่
แสงสว่างที่แรงกล้าเหมือนกับแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูปจำนวนมากมาย
ก็ได้ทำให้ผมประหลาดใจขึ้นมาทันที พลังงานอันทรงพลังนี้
เคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วมาก จากหน้าห้องไปยังหลังห้อง
และขณะที่มันผ่านผู้ประทับจิตไป
พวกเขาแต่ละคนก็กลายเป็นแสงรัศมีสีขาวบริสุทธิ์ต่อหน้าสายตาของผม
ขณะที่ผมกำลังมองดูเหตุการณ์อันน่าทึ่งนี้
แสงสว่างที่ใหญ่กว่าและแรงกล้ากว่า
เหมือนกับแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูปนับร้อยดวง ก็วิ่งผ่านห้องไปอย่างรวดเร็ว
และขณะที่มันเคลื่อนผ่านไป ผมก็ไม่เห็นรูปร่างของมนุษย์อีกต่อไป
แต่กลายเป็นดวงไฟสว่างไสวมากมาย ที่มีขนาดของร่างกายมนุษย์
หลังจากนั้นสักครู่
แสงที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีพลังมากยิ่งกว่า ก็ได้ปรากฏขึ้น
แสงนี้เหมือนกับแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูปนับพันๆดวงมารวมกัน
ขณะที่แสงนี้วิ่งผ่านห้องไป ส่วนหนึ่งของผมก็ถูกพาไปด้วย และทันใดนั้น
ผมก็รู้สึกไร้น้ำหนัก ณ.จุดนี้ ผมก็ไม่เห็นสรรพสัตว์ใดๆ
เบื้องหน้าของผมอีกต่อไป และดวงไฟขนาดใหญ่ทั้งหมด
ก็ได้หลอมรวมกันเป็นแสงที่สว่างเจิดจ้าหนึ่งดวง ผมไม่ได้ยินเสียงใดๆ
จากท้องถนนอีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้น ก็รู้สึกคล้ายกับว่า
ผมได้หยุดที่จะมีตัวตนอยู่ ในขณะนั้น ทุกคนอยู่ในห้องรวมกันเป็นแสงหนึ่งดวง
และทุกคนถูกแกว่งอยู่ในดนตรีอันไพเราะ ซึ่งคล้ายกับว่าไม่รู้มาจากที่ไหน
และมาจากเครื่องดนตรีที่ไม่เป็นที่รู้จักบางอย่าง ประสบการณ์นี้ดำเนินต่อไป
จนกระทั่งธรรมทูตกวน-อิมสั่งให้หยุดนั่งสมาธิ
เมื่อการประทับจิตสิ้นสุดลง ผมรู้สึกปีติสุขอย่างมาก
โลกคล้ายกับว่างดงามเป็นพิเศษ และผมรักทุกคน นอกจากนั้น
สิ่งมหัศจรรย์ต่างๆมากมาย ซึ่งผมไม่สามารถบรรยายเป็นภาษามนุษย์ จู่ๆ
ก็ได้เกิดขึ้นในชีวิตของผมด้วย และในขณะนี้
ขณะที่ผมกำลังเขียนทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ผมก็รู้สึกได้ถึงความรักอันท่วมท้น
ผมรักท่าน ท่านอาจารย์ ผมรักคุณ พี่ชายและพี่สาว ผมรักคุณ ชีวิต
(อันเป็นที่รัก)
ขอบคุณพระเจ้าและท่านอาจารย์
ที่ให้โอกาสผมได้ประจักษ์ถึงพระกรุณาธิคุณ และความรักอันสุดประมาณของท่าน