เรื่องจริงสมัยเด็กของอาจารย์

 
เด็กหญิงน้อยๆ ผู้กล้าหาญและมีคุณธรรม ที่ช่วยชีวิตบิดาของเธอไว้
โดยศิษย์ผู้หนึ่งที่พำนักที่ศูนย์ซีหู ฟอร์โมซา
 

เรามักจะได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับนักบุญและบุคคลที่ยิ่งใหญ่หลายคนจากเรื่องราว หรือสิ่งที่มีการบันทึกเอาไว้ว่า พวกเขาใช้ปัญญาและดวงใจอันเมตตากรุณาของพวกเขาอย่างไรในสมัยเด็กๆ เพื่อฝ่าฟันเอาชนะอุปสรรคความยากลำบากที่พวกเขาได้ประสบพบพาอย่างกล้าหาญ

เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่อาจารย์ยังเด็ก อายุประมาณ 9 ขวบ ขอให้เรามาดูและศึกษาไปด้วยกันเถิด

อาจารย์เติบโตขึ้นในประเทศเอาหลัก ท่านมีบิดาซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มาก  โรคที่หมอคนอื่นรักษาไม่ได้ แต่เขากลับรักษาให้หายได้ บิดาท่านยังเป็นคนที่มีเมตตากรุณามากมักจะไม่คิดเงินคนป่วยที่ยากจน  หลังจากที่คนป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว พวกเขาก็มักจะแสดงความขอบคุณด้วยการส่งอ้อย มันเทศ ผักต่างๆ และผลิตผลนานาชนิดที่พวกเขาปลูกกันเองมาให้

   

มารดาของอาจารย์เป็นคนอ่อนโยน เฉลียวฉลาด ขยัน และทำงานเร็ว นอกจากจะคอยดูแลครอบครัวแล้ว ท่านยังทำธุรกิจบางอย่างไปได้ด้วยดีอีกด้วย เพราะฉะนั้นทั้งครอบครัวจึงมีชีวิตที่ร่ำรวย มั่งคั่ง มั่นคงและมีความสงบสุข

วันหนึ่ง จุ่ๆ ก็มีคนกล่าวหาว่าบิดาของท่านอาจารย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง บิดาของท่านจึงถูกจับไปสวบสวนทันที เจ้าหน้าที่ผู้สอบสวนไม่สามารถจะหาหลักฐานที่เชื่อมโยงบิดาของท่านกับกิจกรรมต่างๆ ทางการเมืองได้ ทั้งๆ ที่พยายามอยู่หลายครั้ง แต่อย่างไรก็ตามบิดาท่านก็ไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมา ยังคงถูกคุมขังอยู่ในคุกนั่นเอง

ตอนนั้น อาจารย์กับมารดาของท่านมักจะนำอาหารและสิ่งของต่างๆ ไปให้เพื่อปลอบโยนบรรเทาทุกข์แก่บิดาของท่านตอนที่ไปเยี่ยม เมื่อได้เห็นว่าบิดาของท่านเจ็บปวดทั้งร่างกาย และก็สูญเสียอิสรภาพด้วย อาจารย์ก็รู้สึกโศกเศร้ามาก  ท่านเข้าใจดีมากว่า บิดาของท่านซึ่งได้แต่รักษาคนป่วยเพื่อช่วยชีวิตพวกเขานั้นถูกกล่าวหาโดยไม่ยุติธรรม

หลังจากกลับไปถึงบ้าน ไม่ว่าเวลาใดที่ท่านได้พบใครที่ท่านสามารถจะพูดคุยได้ ท่านก็จะบอกพวกเขาว่าบิดาของท่านบริสุทธิ์ และบิดาท่านเป็นเหยื่อของการใส่ความอย่างผิดๆ  ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แต่มันก็แสดงให้เห็นจริงๆ ถึงความรักของอาจารย์ต่อบิดาของท่าน และความกล้าหาญของท่านในการพูดและต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แม้ว่าจะเป็นตอนที่ท่านยังเด็กอยู่ก็ตาม

ในระหว่างนั้น มารดาที่กำลังตั้งครรภ์ของท่านก็ถึงกำหนดคลอด โชคร้ายที่ตอนนั้นธุรกิจของพวกเขาถูกโกงและสูญเสียเงินทองไปจนหมดตัว ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่คลอดน้องสาวของท่านออกมาแล้ว มารดาของท่านก็ไม่ได้รับการดูแลที่ดีจึงเกิดอาการแทรกซ้อนหลังคลอดขึ้น มีน้ำขังอยู่ในช่องท้องของท่าน ทำให้ท้องขยายพองออกมามากทีเดียว ทำความเจ็บปวดเป็นอันมาก และก็ไม่มีเงินที่จะไปให้หมอคนใดช่วยรักษา

ด้วยอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น นอกจากอาจารย์จะดูแลมารดาที่เจ็บป่วยของท่าน และช่วยดูแลน้องที่เพิ่งเกิดแล้วท่านยังต้องไปหาซื้ออาหารที่ตลาด  เนื่องจากขัดสนเงินท่านจึงได้แต่ซื้อผักมานิดๆ หน่อยๆ ในแต่ละวัน ชีวิตในขณะนั้นจึงลำบากมาก

พอถึงวันที่ 3 เมื่อเห็นมารดาของท่านร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด และน้องสาวของท่านก็อ่อนแอและไม่มีคนดูแลเธอ เงินก็ไม่มี ตัวท่านก็ยังเด็กมาก และบิดาของท่านก็หมดอิสรภาพ  อาจารย์รู้ว่าถ้าทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างนี้ ครอบครัวของท่านก็จะไม่มีหวังอะไรเลย ท่านจึงตัดสินใจที่จะไปนำบิดาของท่านกลับบ้าน

 

เวลานั้นบิดาของท่านถูกส่งไปอยู่ในเรือนจำที่ใหญ่ขึ้น และอยู่ไกลออกไปจากบ้านมากขึ้น ในที่สุดหลังจากที่ต้องต่อรถหลายทอด อาจารย์ผู้แน่วแน่พร้อมด้วยร่างกายตัวเล็กๆ ของท่านซึ่งเมารถอยู่ ก็สามารถเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง ท่านพูดกับยามที่หน้าประตู เล่าให้เขาฟังถึงความลำบากทุกข์ยากที่บ้าน และแสดงความประสงค์ที่จะได้พบกับผู้อำนวยการเรือนจำ เพื่อที่ท่านจะได้ขอร้องให้เขาปล่อยตัวบิดาของท่านเพราะว่าบิดาท่านเป็นผู้บริสุทธิ์

ยามที่หน้าประตูรู้สึกสงสารเห็นใจในสถานการณ์ของอาจารย์มาก จึงขอให้อาจารย์รอและกล่าวว่าเขาจะไปบอกผู้อำนวยการเรือนจำให้ อย่างไรก็ตามเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ  ในที่สุดอาจารย์ผู้กระวนกระวายใจอย่างยิ่งก็ทนไม่ไหวต้องร้องไห้โฮออกมา 

 

ท่านร้องไห้และส่งเสียงดังคร่ำครวญอยากจะพบกับผู้อำนวยการเรือนจำเพื่อขอให้เขาปล่อยตัวบิดาของท่าน ในที่สุดผู้อำนวยการที่เดินผ่านมาก็ได้ยินเสียงร้องของท่าน จึงเดินเข้ามาหาและถามว่าเกิดอะไรขึ้นผู้อำนวยการตั้งใจฟังเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขา  เด็กหญิงคนนี้เล่าถึงความไม่ยุติธรรมที่บิดาของท่านได้รับ ถึงเรื่องที่มารดาไม่สบายอย่างหนักและไม่มีเงินที่จะรักษา  ถึงเรื่องของน้องสาวที่เพิ่งเกิดมาได้ 3 วันไม่มีคนคอยดูแล และตัวท่านก็ยังเด็กมาก  ท่านขอร้องให้ผู้อำนวยการเรือนจำปล่อยบิดาของท่านเพื่อที่ท่านจะได้กลับไปดูแลครอบครัวได้

ผู้อำนวยการหนุ่มที่ท่าทางเป็นมิตรรู้สึกสงสารมากหลังจากที่ได้ฟังท่านเล่าจบแล้ว เมื่อมองดูเด็กผู้หญิงคนนี้ที่มอมแมมไปด้วยฝุ่นทั่วทั้งตัว  อายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น แต่ก็กล้ามากพอที่จะเดินทางมาคนเดียวไกลๆ ขนาดนี้ เขากล่าวว่า "ฉันจะบอกให้คนพาพ่อของหนูมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลยนะ"

เมื่อได้เห็นว่าบิดาของท่านเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษาดีมาก และหลังจากที่ตรวจดูบันทึกใหม่แล้วผู้อำนวยการเรือนจำก็เข้าใจทันทีว่ามีการผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น  เขาจึงปล่อยตัวบิดาของท่านเลยทันที โดยอนุญาตให้ได้รับอิสรภาพเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อที่จะกลับไปบ้านเพื่อดูแลครอบครัวแล้วก็ต้องกลับมารายงานตัวที่เรือนจำหลังจากนั้น

ผู้อำนวยการเรือนจำพูดตลกๆ ว่า อาจารย์ควรจะอยู่ที่นั่นในฐานะตัวประกันจนกว่าบิดาของท่านจะกลับมา อาจารย์ก็ตอบทันทีว่า "หนูไม่มีประโยชน์สำหรับท่านที่นี่หรอก หนูยังอายุน้อยอยู่ แล้วหนูก็ต้องกลับไปดูแลแม่กับน้องสาวของหนูด้วย หนูอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก"  พอได้ยินอย่างนี้เข้า ผู้อำนวยการคนนั้นก็หัวเราะและยอมให้อาจารย์กลับไปบ้านพร้อมกับบิดาของท่านได้

 

ด้วยความเชี่ยวชาญทางการแพทย์อย่างดีมาก บิดาของท่านจึงให้การรักษาอาการเจ็บป่วยของมารดาท่านอย่างทันทีที่กลับไปถึงบ้านเพื่อให้อาการของมารดาท่านดีขึ้นโดยเร็ว หลังจากจัดการดูแลปัญหาในครอบครัวหมดแล้ว บิดาของอาจารย์ก็กลับไปยังเรือนจำได้ทันเวลา

2-3 วันต่อมา จู่ๆ บิดาของอาจารย์ก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและเพื่อเป็นการระลึกถึงผู้อำนวยการเรือนจำซึ่งมีความเมตตาและยุติธรรม บิดามารดาของอาจารย์จึงใช้ชื่อของผู้อำนวยการเรือนจำท่านนั้น คือ "ควง ตรัง"*  เป็นชื่อของน้องสาวที่เพิ่งเกิดของอาจารย์

จากเรื่องนี้เราก็ได้รู้ว่าแม้ว่าตอนนั้นอาจารย์จะยังเด็กอยู่ แต่ด้วยความกล้าหาญและหัวใจที่สะอาดบริสุทธิ์และมีความรักอย่างจริงใจ ท่านก็สามารถกระตุ้นจิตใจมนุษย์และสวรรค์เพื่อทำให้ผู้อำนวยการเรือนจำคนนั้นกลายมาเป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้าได้ เพื่อช่วยให้ครอบครัวของท่านได้กลับมาอยู่ร่วมกันใหม่และมีอนาคตที่สดใสด้วยกัน

* ควง ตรัง เป็นชื่อเด็กผู้ชาย ในเอาหลักมีแต่เด็กผู้ชายที่จะมีชื่ออย่างนี้ ไม่เคยมีเด็กผู้หญิงใช้ชื่อนี้เลย เหมือนกับในอเมริกาที่จอห์นจะเป็นชื่อของเด็กผู้ชาย  ที่บิดามารดาของอาจารย์ตั้งชื่อนี้แก่ลูกสาวคนเล็กสุดก็เพราะความรู้สึกขอบคุณแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง