เสียงของดนตรีและเสียงปรบมือของผู้ฟัง ท่านอาจารย์เข้ามาในอัฒจรรย์ในชุดแต่งกายของเอาหลักสีขาวและเหลือง
หลังจากที่ท่านอาจารย์แนะนำธรรมวิถีกวนอิมแบบย่อแล้ว ท่านกล่าวเริ่มต้นว่า
พระเจ้าอยู่ภายในตัวเรา ทุกคัมภีร์กล่าวเช่นนั้น
ถ้าพระเจ้าอยู่ภายในตัวเราก็เป็นการง่ายที่จะให้ท่านออกมา
ตั้งแต่โบราณเราลืมคำสั่งสอนของมหาอาจารย์ พระเจ้าอยู่ในตัวท่าน ท่านคือพระเจ้า
และท่านก็สามารถเห็นตนเอง
เราไม่ควรเรียกผู้อื่นแต่ละคนว่ามนุษย์แต่น่าจะเป็นรูปจำลอง สิ่งที่เป็นแก่นสารส่วนหนึ่งของพระเจ้า
พระเจ้า อาจารย์สูงสุด ตั้งแต่อดีตใครที่เรียกตนเองเช่นนี้จะถูกหัวเราะเยาะ
พวกเราเป็นบุตรของพระเจ้า นามสกุลของเราควรเป็นพระเจ้า
เรียกตัวท่านเองด้วยชื่อนั้น (ปรบมือ)
ฉันมีความสุขมากที่พวกท่านยอมรับได้แม้มิได้เห็นพระบิดา!
แล้วท่านอาจารย์ยังรับรองต่อผู้ฟังว่าท่านสามารถช่วยให้พวกเขาหาทางกลับบ้านไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า และกล่าวว่าในแต่ละสมัย
พระเจ้าได้ส่งผู้นำข่าวสารมาแจ้งเตือนพวกเราถึงธรรมชาติที่แท้จริงของเราว่า
พวกเราลืมถึงความสูงส่งที่เราเป็น ดังนั้น พระเจ้าจึงส่งคน เช่น พระเยซูคริสต์
พระพุทธเจ้า พระมะหะหมัด กูรูนานัค เป็นต้น เพื่อเตือนเราว่าเราเป็นใคร
แม้กระทั่งนางฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังคอยดูแลเรา
แต่เรากลับสวดอ้อนวอนต่อเขาราวกับว่าพวกเขายิ่งใหญ่กว่าเรา
ในไม่ช้าเราจะเข้าใจว่าพวกเราคือใครพวกเขาจะคอยช่วยเหลือพวกเรา
ท่านอาจารย์กล่าวอภิปรายต่อถึงอาณาเขตอย่างสวรรค์ว่า
ไหลังจากที่ประทับจิต พวกเราจะไปสูงหรือต่ำกว่าสวรรค์
เมื่อเราเข้าถึงความรู้แจ้งในระดับสูงกว่า
พวกเราจะเห็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่เรียงรายเพื่อคอยช่วยเรา
ความเหลือเชื่อทั้งหลายที่ผู้มีประสบการณ์อธิบายเป็นแต่ความสุข
ความรู้สึกเหมือนล่องลอยในอากาศ
แต่สิ่งเหล่านี้เทียบมิได้กับความสุขในสวรรค์เมื่อเธอมีความสุข
บางครั้งพระเจ้าปรากฏเป็นพ่อหรือแม่ เมื่อวิญญาณของเธอเปล่ง เธอก็จะเป็นแสง
เมื่อแสงนั้นมีความเข้มมากขึ้นจนกลายเป็นเสียงๆ
บนโลกนี้ใกล้เคียงกับเสียงของสวรรค์ พวกเราได้รับพลังเพิ่มด้วยพระสุรเสียงของพระเจ้า
หรือดนตรีจากสวรรค์ที่เปลี่ยนคนอย่างสมบูรณ์และทันทีทันใด
และยิ่งนั่งสมาธิมากก็ยิ่งดูอ่อนเยาว์และยิ่งดูไร้เดียงสา ยิ่งบริสุทธิ์
และยิ่งเข้าใกล้สวรรค์ยิ่งขึ้น
ท่านอาจารย์ให้ข้อสังเกตว่า
การล้างบาปที่แท้ด้วยไฟจากวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ใช้เวลาชั่วพริบตา
ไม่มีอะไรแยกเราจากพระเจ้าได้นอกจากความสนใจของเราเอง
ฉันเพียงแสดงให้เห็นได้นอกจากความสนใจของเราเอง
ฉันเพียงแสดงให้เห็นวิธีการเพ่งความสนใจไปยังระดับต่างๆ
พวกเราจะสามารถเห็นพระเจ้าขณะที่มีชีวิต
หลังจากกล่าวสิ่งเหล่านี้แล้ว ท่านอาจารย์สรุปว่า
ฉันจะแสดงให้เห็นวิธีที่จะทำสิ่งนี้ เราสามารถเข้าไปข้างในมิใช่ข้างนอก
ภายในเราจะเห็นความจริงของการสร้างสรรค์ทุกสิ่งทุกอย่าง
พระเจ้าผู้ซึ่งมิใช่ร่างกายและไร้นาม แต่ถูกขนามนามของความรักทั้งหลายว่า
ที่รักผู้เดียว สุดที่รัก รักนิรันดร์ ผู้ซื่อสัตย์ เป็นต้น
มันเป็นการดีสำหรับเราที่จะถูกรวมหลอมด้วยรักหนึ่งเดียวนี้อีกครั้ง
จิตวิญญาณต้องการประสบการณ์เชื่อถือได้
สัมผัสพระเจ้าอย่างเผชิญหน้าและด้วยสิ่งนั้น
ฉันสามารถช่วยเธอได้ขอพระเจ้าอวยพรเธออย่างมาก!
ระหว่างเวลาอันจำกัดท่านอาจารย์กล่าวอย่างย่อๆ
เพียงเหลือเวลาสำหรับตอบคำถามจากผู้ฟังเพื่อตอบสนองผู้ที่ต้องการวิธีที่จะระลึกถึงพระเจ้าที่แท้จริง
ท่านอาจารย์กล่าวว่าอาจารย์ที่แท้จริงก็คือผู้ที่ทำให้เธอประจักษ์ในพระเจ้า
มีคนถามว่าจะจัดการอย่างไรกับความยากจนและความทุกข์ และความอยุติธรรมในโลกนี้
ท่านอาจารย์ตอบว่าท่านแบ่งปันสิ่งที่มีให้ทั้งวัตถุและทางจิตวิญญาณ
ขึ้นอยู่กับว่าเขาต้องการอะไร
แต่ถึงอย่างไรเมื่อกล่าวถึงปัญหาเหล่านี้มากขึ้น
จิตใต้สำนึกของโลกนี้ก็จะถูกยกสูงขึ้น
และสิ่งเหล่านี้ท่านไม่สามารถทำอะไรได้คนเดียว ท่านจึงเชิญให้ทุกๆ
คนมาร่วมกับท่านเพื่อให้เกิดผลนี้
หลังการบรรยายผู้ฟังเข้ารับการประทับจิตหรือเรียนธรรมวิถีสะดวกกันจำนวนมาก
การประทับจิตทำกันที่โบสถ์ใกล้ๆ ในเขต 6
ท่านอาจารย์มาเป็นส่วนตัวเพื่อให้พระพรผู้ประทับจิตใหม่
และพวกเขากลบไปหลังจากประทับจิตเรียบร้อยแล้วด้วยรอยยิ้มพราวใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข |