รายงานพิเศษ

การประชุมสภาของศาสนาทั่วโลก

การรวมตัวกันทั่วโลกของพี่น้องชาย-หญิงจากทุกเชื้อชาติและทุกศาสนา

การประชุมสภาศาสนาทั่วโลกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-8 ธันวาคม 2542 ที่เมืองเคปทาวน์ อยู่กลางตาเลิ้ล เมาน์เท่น มองเห็นทั้งมหาสมุทรอินเดีย เป็นที่รวมของหลายหลายเชื้อชาติศาสนาและวัฒนธรรม สภาแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลแอฟริกาใต้ ครูผู้นำศาสนจักรและลัทธิต่างๆ ผู้มีความเชื่อและผู้ปฏิบัติธรรมจากทั่วมุมโลก ได้มาประชุมกันและแลกเปลี่ยนทัศนะคติและคำสอนกัน เพื่อเฉลิมฉลองพื้นฐานอันหลากหลายและเสนอคติธรรมที่สำคัญและข่าวคราวทางศาสนาต่อที่ประชุมประชาคมโลก

ในเมืองหากผู้คนเดินเล่นตลอด 2 ช่วงตึกจะพบแผ่นใบปลิวของอาจารย์ สิ่งนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นจากพรของอาจารย์ งานเปิดประชุมวันแรกตรงกับวันเอดส์โลกพอดี การปราศรัยเป็นเวลา 1 ชั่วโมงจากผู้นำศาสนาทุท่านจะรวมถึงคำอ้อนวอนต่อรัฐบาลของประเทศต่างๆ ให้เอาใจใส่เพิ่มขึ้นในฐานะของผู้ป่วยโรคเอดส์ และเพื่อให้ชาวโลกมารวมกันเพื่อสวดอ้อนวอนแก่ผู้ป่วย พิธีจบลงด้วยการสวดอ้อนวอนอย่างเงียบๆ

หลังจบการปราศรัยเปิดงาน ลูกศิษย์ของอาจารย์ในชุดประจำชาติที่สวยงามถือป้ายเขียนว่าสมาคมอนุตราจารย์ชิงไห่นานาชาติ ต่างพร้อมใจกันเดินขบวนอย่างงดงามในพิธีเปิด กลุ่มของเรามากกว่ากลุ่มอื่นๆ มาก จึงเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ ชาวเมืองแอฟริกาใต้แปลกใจที่พวกเรามาจากหลากหลายเชื้อชาติและกระตือรือร้นช่วยงานครั้งนี้ พวกเราบางคนถือแผ่นพับเชิญชวนสำหรับฟังคำบรรยายของอาจารย์ในวันถัดไป ภาพสวยๆ ของอาจารย์และผู้คนที่เข้ามาใกล้เพื่อขอแผ่นพับบ้าง ขณะที่ขบวนผ่านไปเราสังเกตเห็นรถคันสีแดงเล็กๆ ที่รอเลี้ยวอยู่ อาจารย์รอที่จะปราศรัยในรอบต่อๆ ไป ท่านอาจารย์อยู่ในชุดประจำชาติที่สวยงามขณะที่ขบวนผ่านปะรำพิธี ระฆังของโบสถ์ก็ดังกึกก้องแสดงถึงการเปิดงานที่ยิ่งใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว

งานจัดขึ้นที่เชิงเขาแห่งประวัติศาสตร์หมายเลข 6 ของเมืองเคปทาวน์ ที่ซึ่งโด่งดังในปี 2503 สำหรับเหตุการณ์ Apartheid (แตกแยกทางเชื้อชาติ) ภายใต้นโยบายของรัฐบาล ชนผิวดำไม่อนุญาตให้อาศัยหรือผ่านเข้ามาในเขตเมือง ครอบครัวชนผิวดำถูกส่งไปที่เมืองไกลๆ ทำให้ครอบครัวแตกแยกกัน บางคนถูกริบสมบัติและตำแหน่งหน้าที่และปล่อยให้ยากลำเค็ญ บริเวณที่ถูกกำหนดเป็นเขตที่ถูกทำลายตามกฎหมาย Group Area Act ปี 2509 แม้ว่านโยบายนี้ถูกเปลี่ยนตั้งแต่นายเนลสัน แมนเดลล่าถูกปล่อยจากคุกในปี 2536 (ท่านได้เป็นประธานาธิบดีในปี 2537) รอยแผลจากเหตุการณ์นี้ก็ยังคงเห็นอยู่ คำปราศรัยเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเตือนเราให้รู้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหนึ่งเดียวกัน

พิธีนี้มีความสำคัญในหลายนัยสำหรับคนที่อยู่ ณ ที่นั้น ทุกคนจะรู้สึกสถานการณ์ดีขึ้นในขอบเขตที่กว้างขึ้น พิธีทั้งหมดจัดอย่างสมเกียรติและเป็นเหมือนสัญลักษณ์ และพวกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนแสดงความรักและคำสรรเสริญที่อาจารย์มอบให้แก่ชาวโลก  พิธีที่จัดในเขตหมายเลข 6 นี้จัดเป็นเวทีวงกลมขนาดใหญ่ที่เชิงเขาเทเบิ้ลเมาน์เท่นที่สูงส่ง เริ่มพิธีโดยผู้ถือแสงไฟถือคบเพลิง ไมโครโฟนตั้งไว้ทั้ง 4 มุมแทนทิศทั้ง 4 ของโลก ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ตามตำนานที่ว่าแต่ละทิศปกป้องชนชาติทั้ง 4 ของมนุษยชาติไว้ (ผิวขาว ผิวดำ ผิวเหลือง และผิวแดง) แต่ละชนชาติเป็นผู้ปกป้องแต่ละสิ่งไว้ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) ที่ตรงกลางเป็นคบเพลิงขนาดที่ใหญ่กว่า และจะจุดไว้ตลอดทั้งอาทิตย์ที่มีการประชุมสภาศาสนาแห่งโลก

ตัวแทนแต่ละชนชาติยืนอยู่ในที่ๆ เหมาะสมและกล่าวถึงการปกปักษ์รักษาในฐานะตัวแทนของชนชาติตนเอง จุดประทับใจอยู่ที่ผู้สูงอายุและประคับประคองด้วยหญิงสาวรุ่น สิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการมอบหมายความรัก ความอดทนและการให้อภัย (แทนโดยหญิงสูงอายุ ส่งต่อให้หญิงสาวรุ่น) สิ่งนี้ให้ความหมายที่เหมือนกับคำบรรยายของอาจารย์หลายครั้งที่จัดขึ้นที่การทำสมาธิกลุ่ม ที่เอ่ยถึงยุคแห่งความสุขสงบซึ่งมีผู้ปกครองเป็นหญิง และนั่นเป็นสิ่งที่ต้องหวนกลับไปเป็น เพื่อให้กลับไปสู่ยุคทองอีกครั้ง เนื่องจากอาจารย์เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่เป็นสตรีที่มีความโดดเด่นกว่ามาตรฐาน การมาปรากฏตัวในงานนี้จึงเป็นจุดพลิกผันอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมและทางจิตวิญญาณของเรา

 

หลังจากคบเพลิงจุดสู่เปลวเพลิงตรงกลาง นักบวชยุโรปท่านหนึ่งได้นำมารวมกัน ผู้นำท้องถิ่นหลายคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างสรรค์อนาคตใหม่ อาจารย์ได้รับการแนะนำตัวท่ามกลางนักบวชอาวุโสจากรัฐเชียบัส เม็กซิโกและท่านอื่นๆ หลังจากการแนะนำนักบวชแต่ละท่านผ่านไปทีละท่าน อาจารย์ก็อยู่บนเวทีเพื่อร่วมเปล่งเสียงเชียร์ดังกึกก้องกัน

 

ท่านอาจารย์กล่าวนำการสวดมนต์อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าดังนี้ คือ

 
 

สภาของศานาโลก
พิธีเปิด
1 ธันวาคม 2542

 
ขอบคุณพระบิดา
 
ขอบคุณพี่น้องชายหญิงที่มาที่นี่เพื่อสวดอ้วนวอนเพื่อแอฟริกา พวกเราจะสวดอ้อนวอนเพื่อโลกนี้ไปพร้อมเพรียงกัน ฉันใคร่ขออนุญาตพวกท่านให้อยู่ในความเงียบสงบสัก 2-3 นาที เพื่อยืนยันอีกครั้งในความปรารถนาของเราต่อพระผู้เป็นเจ้า
 
ขอบคุณมาก
 

ฉันได้สวดอ้อนวอนพระเจ้าตลอดสำหรับประเทศของท่านและโลกนี้ก่อนจะมาที่นี่เหมือนที่ทำปกติ ฉันได้บอกท่านว่า พระบิดา ท่านทรงทราบทุกสิ่งที่เราต้องการก่อนที่เราจะขอ อะไรก็ตามที่ท่านจัดการให้พวกเราล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาจิตวิญญาณของพวกเรา ความอ้างว้างโดดเดี่ยวขณะนี้ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ พระประสงค์ของพระองค์คือสิ่งที่สูงสุด พระประสงค์ของท่านเป็นสิ่งที่ฉลาดสุด ดีที่สุด และเป็นสิ่งที่เมตตาที่สุด สวดอ้อนวอนให้พวกเราทราบสิ่งนี้ สวดเพื่อให้เราไม่ลืมว่าพระประสงค์ของพระองค์เปี่ยมไปด้วยความรักสม่ำเสมอ เป็นสัจธรรมสากลระดับสูงสุด

 

พวกเราขอขอบคุณด้วยที่ให้โอกาสเราได้มายังที่นี่วันนี้ในเมืองที่สวยงาม เป็นที่ๆ งดงามที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้และได้เห็นหมดทั้งความงาม ความบริสุทธิ์ จิตใจที่เรียบง่ายของผู้คน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่หลายชั่วชีวิตจะมีโอกาสเช่นนี้สักครั้ง เพราะว่าเรามาที่นี่ตามพระประสงค์ของพระองค์ แต่พวกเราไม่มีโอกาสมากนักที่จะเห็นด้วยตาเนื้อ

 

แม้ว่าในโลกแห่งวัตถุนี้เป็นภาพลวงตาที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่พระองค์สร้างทั้งหมดมันก็ยังเป็นสิ่งที่สวยงามมากสำหรับพวกเราเป็นบ้านของพวกเรา และด้วยความรู้สึกนี้พวกเราขออุทิศตนต่อท่านวันนี้เช่นกัน ถ้าท่านปรารถนาที่จะให้ผู้คนบนดินแดนนี้หรือดินแดนไหนมีบ้านที่พวกเขาต้องการและมีชีวิตที่สุขสันติ เต็มไปด้วยความดีในฐานะบุตรของพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงประทาน พวกเราขออุทิศหัวใจ ความรักและมอบกายถวายชีวิตสุดแต่ท่านจะจัดการสำหรับพวกเราเป็นพระประสงค์ของพระองค์ แต่อย่างไรก็ตามเพราะพวกเราอยู่ในกฎเกณฑ์ทางโลก เราต้องต่อสู้กับมายาอย่างแสนสาหัสที่ซ่อนและแยกจิตวิญญาณของเราออกห่างจากท่าน

 

ดังนั้น ได้โปรดเถิดพระบิดาขอทรงประทานความดีงามซึ่งเป็นพื้นฐานของความสุขสันติเพื่อที่พวกเราออกห่างจากท่าน ดังนั้น ได้โปรดเถิดพระบิดาขอทรงประทานความดีงามซึ่งเป็นพื้นฐานของความสุขสันติเพื่อที่พวกเราจะมีความสงบพอ มีการสละที่เพียงพอที่จะรู้สึกถึงท่านได้ทุกๆ วินาทีตลอดชีวิตของพวกเรา ท่านสง่างาม ท่านสวยงาม ท่านร่ำรวย ท่านยอดเยี่ยม สมบูรณ์แบบที่สุดตราบเท่าที่พวกเราเคยระลึกได้ ขอให้ความสมบูรณ์พร้อมอันนี้จงมีปรากฏบนโลกใบนี้ด้วย บางทีดินแดนบางแห่งของโลกต้องการพระพรมากกว่าที่อื่น พวกเรายินดีที่จะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อช่วยเหลือดินแดนที่โชคดีน้อยเหล่านั้น บางมุมที่โชคดีน้อยของโลกนี้ เช่น มุมเล็กๆ นี้ที่ท่านสร้างขึ้นมา ขอให้พระเจ้าอวยพร และขอให้พระองค์ระลึกถึงพวกเราที่อยู่มุมหนึ่งของแอฟริกา บางทีบุตรทุกคนของท่านจะได้รับพระพรและความรัก แต่เป็นไปได้ว่ามุมนี้ได้รับมากกว่าเล็กน้อย

 
นั่นคือคำสวดอ้อนวอนของพวกเราในวันนี้
สาธุ
ขอบคุณพี่น้องชายหญิง
 
 

ต่อมาท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงปัญหาการโยกย้ายผู้ลี้ภัยหรือกลุ่มที่ไม่ต้องการโดยกล่าวว่า “ผ่านพระประสงค์ของท่านที่ต้องการให้ประชาชนรอบโลกมีที่อยู่ตามที่เขาปรารถนา เนื่องจากกายเนื้อของเรานี้แยกพวกเราออกจากท่าน มอบความดีและความสงบที่จะระลึกท่านตลอดชีวิตของพวกเรา ขอให้ความเพียบพร้อมสมบูรณ์ในพระองค์จงปรากฏบนโลกใบนี้” ท่านอาจารย์พนมมือสวดขอด้วยความเคารพ คำพูดของท่านเคลื่อนไหวอย่างลึกซึ้งหลังจากการเข้าฌานที่ทรงพลัง ผู้ประทับจิตทั้งหมดได้กล่าวแบ่งปันกันในวิสัยทัศน์ของท่านที่ว่าพรุ่งนี้จะมีพลังบวกมากกว่า และความปรารถนาของท่านที่ผ่านกลุ่มของพวกเราว่าโลกนี้จะใกล้ชิดกัน มีสันติสุขด้วยกัน

พวกเราบางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกมากที่ช่างบังเอิญ มิเพียงแต่เลือกจัดที่แอฟริกา แต่โดยเฉพาะที่เมืองเคปทาวน์ เป็นที่นั่งจัดสมาธิกลุ่มและเป็นสภาศาสนาโลกด้วย ท่านอาจารย์เป็นสัญลักษณ์ของมหาสมุทรแห่งความรักได้นำประชาชนทุกชาติ จากทุกมุมโลกมาที่ใต้สุดของทวีปแอฟริกา สถานที่แห่งเดียวในโลกที่มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติคมาบรรจบพบรวมกันเป็นหนึ่งเดียว 90% ของประเทศในโลกนี้ที่สัมผัสกัน

มหาสมุทรทั้ง 2 นี้ และจุดนี้เป็นจุดที่มันรวมบรรจบกัน ที่มากกว่านี้คือสภาในแอฟริกาใต้ได้นำผู้นำทางจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงในยุคนี้มาสถานที่แห่งนี้เพื่อแบ่งปันให้กับยุคใหม่ วันนี้ ขอบเขตระหว่างความแตกต่างของประเทศ เชื้อชาติ ขนบธรรมเนียม เพศ ได้ทลายลงทุกคนกำลังตัดสินใจรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า จับมือกันเพื่อก้าวเข้าสู่สหัสวรรษใหม่อย่างพร้อมเพรียง

 
สกุลของเราคือพระเจ้า

 

วันที่ 2 ธันวาคม ท่านอาจารย์ได้บรรยายธรรมเป็นเวลา 45 นาทีที่ศูนย์กู๊ดโฮป เมืองเคปทาวน์ บนเวทีถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สด และต้นไม้เขียวขจี โดยมีป้ายติดด้านหลังว่า “สวรรค์เป็นเพียงจุดเริ่มต้น – เห็นพระเจ้าขณะที่มีชีวิต” พวกเราสัมผัสถึงบรรยากาศที่ถูกยกระดับซึมซับไปทั่วศูนย์ เราเฝ้าดูความเข้าใจที่กำลังยกสูงขึ้นนี้

 

เสียงของดนตรีและเสียงปรบมือของผู้ฟัง ท่านอาจารย์เข้ามาในอัฒจรรย์ในชุดแต่งกายของเอาหลักสีขาวและเหลือง หลังจากที่ท่านอาจารย์แนะนำธรรมวิถีกวนอิมแบบย่อแล้ว ท่านกล่าวเริ่มต้นว่า “พระเจ้าอยู่ภายในตัวเรา ทุกคัมภีร์กล่าวเช่นนั้น ถ้าพระเจ้าอยู่ภายในตัวเราก็เป็นการง่ายที่จะให้ท่านออกมา ตั้งแต่โบราณเราลืมคำสั่งสอนของมหาอาจารย์ พระเจ้าอยู่ในตัวท่าน ท่านคือพระเจ้า และท่านก็สามารถเห็นตนเอง เราไม่ควรเรียกผู้อื่นแต่ละคนว่ามนุษย์แต่น่าจะเป็นรูปจำลอง สิ่งที่เป็นแก่นสารส่วนหนึ่งของพระเจ้า พระเจ้า อาจารย์สูงสุด ตั้งแต่อดีตใครที่เรียกตนเองเช่นนี้จะถูกหัวเราะเยาะ พวกเราเป็นบุตรของพระเจ้า นามสกุลของเราควรเป็นพระเจ้า เรียกตัวท่านเองด้วยชื่อนั้น (ปรบมือ) ฉันมีความสุขมากที่พวกท่านยอมรับได้แม้มิได้เห็นพระบิดา!”

แล้วท่านอาจารย์ยังรับรองต่อผู้ฟังว่าท่านสามารถช่วยให้พวกเขาหาทางกลับบ้านไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า และกล่าวว่าในแต่ละสมัย พระเจ้าได้ส่งผู้นำข่าวสารมาแจ้งเตือนพวกเราถึงธรรมชาติที่แท้จริงของเราว่า “พวกเราลืมถึงความสูงส่งที่เราเป็น ดังนั้น พระเจ้าจึงส่งคน เช่น พระเยซูคริสต์ พระพุทธเจ้า พระมะหะหมัด กูรูนานัค เป็นต้น เพื่อเตือนเราว่าเราเป็นใคร แม้กระทั่งนางฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังคอยดูแลเรา แต่เรากลับสวดอ้อนวอนต่อเขาราวกับว่าพวกเขายิ่งใหญ่กว่าเรา ในไม่ช้าเราจะเข้าใจว่าพวกเราคือใครพวกเขาจะคอยช่วยเหลือพวกเรา

ท่านอาจารย์กล่าวอภิปรายต่อถึงอาณาเขตอย่างสวรรค์ว่า ไหลังจากที่ประทับจิต พวกเราจะไปสูงหรือต่ำกว่าสวรรค์ เมื่อเราเข้าถึงความรู้แจ้งในระดับสูงกว่า พวกเราจะเห็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่เรียงรายเพื่อคอยช่วยเรา ความเหลือเชื่อทั้งหลายที่ผู้มีประสบการณ์อธิบายเป็นแต่ความสุข ความรู้สึกเหมือนล่องลอยในอากาศ แต่สิ่งเหล่านี้เทียบมิได้กับความสุขในสวรรค์เมื่อเธอมีความสุข

บางครั้งพระเจ้าปรากฏเป็นพ่อหรือแม่ เมื่อวิญญาณของเธอเปล่ง เธอก็จะเป็นแสง เมื่อแสงนั้นมีความเข้มมากขึ้นจนกลายเป็นเสียงๆ บนโลกนี้ใกล้เคียงกับเสียงของสวรรค์ พวกเราได้รับพลังเพิ่มด้วยพระสุรเสียงของพระเจ้า หรือดนตรีจากสวรรค์ที่เปลี่ยนคนอย่างสมบูรณ์และทันทีทันใด และยิ่งนั่งสมาธิมากก็ยิ่งดูอ่อนเยาว์และยิ่งดูไร้เดียงสา ยิ่งบริสุทธิ์ และยิ่งเข้าใกล้สวรรค์ยิ่งขึ้น”

ท่านอาจารย์ให้ข้อสังเกตว่า “การล้างบาปที่แท้ด้วยไฟจากวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ใช้เวลาชั่วพริบตา ไม่มีอะไรแยกเราจากพระเจ้าได้นอกจากความสนใจของเราเอง ฉันเพียงแสดงให้เห็นได้นอกจากความสนใจของเราเอง ฉันเพียงแสดงให้เห็นวิธีการเพ่งความสนใจไปยังระดับต่างๆ พวกเราจะสามารถเห็นพระเจ้าขณะที่มีชีวิต”  

หลังจากกล่าวสิ่งเหล่านี้แล้ว ท่านอาจารย์สรุปว่า “ฉันจะแสดงให้เห็นวิธีที่จะทำสิ่งนี้ เราสามารถเข้าไปข้างในมิใช่ข้างนอก ภายในเราจะเห็นความจริงของการสร้างสรรค์ทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าผู้ซึ่งมิใช่ร่างกายและไร้นาม แต่ถูกขนามนามของความรักทั้งหลายว่า ‘ที่รักผู้เดียว’ ‘สุดที่รัก’ ‘รักนิรันดร์’ ‘ผู้ซื่อสัตย์’ เป็นต้น มันเป็นการดีสำหรับเราที่จะถูกรวมหลอมด้วยรักหนึ่งเดียวนี้อีกครั้ง จิตวิญญาณต้องการประสบการณ์เชื่อถือได้ สัมผัสพระเจ้าอย่างเผชิญหน้าและด้วยสิ่งนั้น ฉันสามารถช่วยเธอได้ขอพระเจ้าอวยพรเธออย่างมาก!”

ระหว่างเวลาอันจำกัดท่านอาจารย์กล่าวอย่างย่อๆ เพียงเหลือเวลาสำหรับตอบคำถามจากผู้ฟังเพื่อตอบสนองผู้ที่ต้องการวิธีที่จะระลึกถึงพระเจ้าที่แท้จริง ท่านอาจารย์กล่าวว่าอาจารย์ที่แท้จริงก็คือผู้ที่ทำให้เธอประจักษ์ในพระเจ้า มีคนถามว่าจะจัดการอย่างไรกับความยากจนและความทุกข์ และความอยุติธรรมในโลกนี้ ท่านอาจารย์ตอบว่าท่านแบ่งปันสิ่งที่มีให้ทั้งวัตถุและทางจิตวิญญาณ ขึ้นอยู่กับว่าเขาต้องการอะไร

แต่ถึงอย่างไรเมื่อกล่าวถึงปัญหาเหล่านี้มากขึ้น จิตใต้สำนึกของโลกนี้ก็จะถูกยกสูงขึ้น และสิ่งเหล่านี้ท่านไม่สามารถทำอะไรได้คนเดียว ท่านจึงเชิญให้ทุกๆ คนมาร่วมกับท่านเพื่อให้เกิดผลนี้  หลังการบรรยายผู้ฟังเข้ารับการประทับจิตหรือเรียนธรรมวิถีสะดวกกันจำนวนมาก การประทับจิตทำกันที่โบสถ์ใกล้ๆ ในเขต 6 ท่านอาจารย์มาเป็นส่วนตัวเพื่อให้พระพรผู้ประทับจิตใหม่ และพวกเขากลบไปหลังจากประทับจิตเรียบร้อยแล้วด้วยรอยยิ้มพราวใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

 

 

เย็นวันนั้นบนทุ่งหญ้าสีเขียวนอกโบสถ์ ท่านอาจารย์ให้สัมภาษณ์นักข่าวหลายกลุ่มโดยมิได้เตรียมตัวไว้ก่อน ลูกศิษย์บางคนรวมทั้งผู้ประทับจิตใหม่ก็เข้าร่วมในการสัมภาษณ์นี้ด้วย ท่านอาจารย์ตอบคำถามทางจิตวิญญาณที่ทางนักข่าวตั้งขึ้นมาหลายคำถามด้วยความเป็นกันเอง และคำตอบที่เต็มไปด้วยปัญญาของท่านอาจารย์ทำให้ผู้ฟังทั้งปรบมือและหัวเราะกัน มีผู้ประทับจิตมุสลิมคนหนึ่งได้แบ่งปันประสบการณ์ของเขาขณะที่ปฏิบัติวิถีกวนอิมว่า “ฉันเชื่อในพระอัลล่าห์ มีพระเจ้าเพียงหนึ่งเท่านั้น แต่มีชื่อเรียกต่างๆ กัน ฉันสวดมนต์ประจำวันละ 5 ครั้ง และความเชื่อของฉันมั่นคงมาก แต่ฉันก็มักจะถามตนเองว่า “พระเจ้าอยู่ที่ไหน ทำไมฉันอยู่ที่นี่?” หลังจากประทับจิต ฉันได้เห็นพระมะหะหมัด พระเยซู และพระพุทธเจ้า ท่านทั้งหลายมีความสุขกับทุกๆ คนและกับโลกนี้ เมื่อฉันประทับจิต ฉันตาย และฉันได้ติดต่อกับตัวจริงแท้ของฉันเอง ฉันได้รับความเข้าใจที่ยิ่งใหญ่มากผ่านการนั่งสมาธิของฉัน”

 
นักข่าวคนหนึ่งแสดงความสนใจในท่านอาจารย์และกลุ่มของพวกเรามาก และในสนใจถามเกี่ยวกับตาปัญญาของเขาหลังจากที่ท่านอาจารย์อธิบายให้ฟัง ตาของเขาก็เปิดขึ้นระดับหนึ่ง เขาต้องการทราบว่าทำไมเขาถึงแตกต่างจากผู้ประทับจิตในกลุ่มของเรา ท่านอาจารย์ตอบว่าความแตกต่างอยู่ที่ว่าพวกเราทราบถึงวิธีที่จะใช้ตาปัญญาของเรา แต่เขาไม่ทราบ แล้วท่านอาจารย์จึงสอนวิธีใช้ตาปัญญาของเขาเพื่อจะมองเห็นพระเจ้าสักแวบหนึ่ง

หลังจากให้สัมภาษณ์แล้ว พวกลูกศิษย์และแขกเหรื่อ 2-3 คนนั่งบนลานหญ้า มีความสุขสนุกสนานกับพระอาทิตย์และอากาศที่เย็น ลมโชยอ่อนๆ พี่ประทับจิตชายใหม่คนหนึ่งเป็นนักเรียนกฎหมายจากแอฟริกากลางบอกท่านอาจารย์ว่า เขาได้รับความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากเพื่อนประทับจิตผู้หนึ่งที่พบกันในฌาน เมื่อได้ฟังดังนั้น ท่านอาจารย์ได้ให้เงินช่วยเหลือเพื่อให้เพียงพอกับค่าการเล่าเรียนพิเศษจนจบ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐทันที พวกเรารู้สึกประทับใจในการสาธิตให้เราได้เห็นความรักอันไม่มีของเขตของท่าน

เวลา 21.30 น. ผู้ประทับจิตได้กลับไปที่ศูนย์กู๊ดโฮปเพื่อดูการแสดงของกลุ่มคนพื้นเมืองหลายกลุ่ม ท่านอาจารย์ได้พบกับสมาชิกของกลุ่ม “นักแสดงเด็กซูลู” ในวันก่อนเมื่อคุณชาลี แรนเดิ้ล ผู้นำกลุ่มกล่าวว่า พวกเขามีความจำเป็นต้องหาทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กนักแสดงเหล่านี้บางคน ท่านอาจารย์ได้บริจาคเงินช่วยเหลือให้ทันที 10,000 ดอลลาร์สหรัฐแก่กลุ่ม (ดูในภาคผนวกเอ) ด้วยความเหลือเชื่อในโชคดีที่รับมากกว่าที่เธอต้องการถึง 2 เท่า คุณแรนเดิ้ลถึงกับถือเงินชูให้ทุกคนได้เห็นพร้อมกับน้ำตาคลอ เธอเชื้อเชิญท่านอาจารย์ให้ถ่ายรูปร่วมกับพวกเขา และท่านอาจารย์สัญญาว่าจะมาดูการแสดงของพวกเขาที่ศูนย์กู๊ดโฮบในวันรุ่งขึ้น

เมื่อการแสดงเริ่มขึ้น เด็กๆ ยืนเต็มเวที เด็กแต่ละคนจากมุมต่างๆ ของโลกถือถ้วยน้ำ พวกเขารินมันลงไปในโถใบใหญ่อันเป็นความหมายของการรวมเป็นหนึ่งเดียวของเด็กๆ และแสดงราวกับเป็นของขวัญสำหรับสภาศาสนาโลก อันดับต่อมาเด็กๆ ร้องเพลง “พวกเราคือโลก” การแสดงสุดท้ายคือประเพณีตีกลองของชาวแอฟริกา พวกเด็กๆ น่ารักนี้ได้สวมชุดที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวแอฟริกาด้วยความกระตือรือร้นและความสามารถพิเศษในการแสดงนี้ทำให้ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมดังกึกก้อง

 

วันที่ 1 ธันวาคม เพิ่มเติมที่ช่วยเหลือ “นักแสดงเด็กซูลู” ท่านอาจารย์ได้มอบเงินอีก 52,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับประชาชนชาวโซซา เพื่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวและต่อเติมห้องน้ำและระบบน้ำสำหรับหมู่บ้าน (ดูภาคผนวกบี) ยังมีเรื่องที่น่าประทับใจจากเหตุการณ์นี้อีกมากมาย ประธานและผู้ก่อตั้งของสถาบันอิคามากู คุณโนคูดซลา แมเดน ผู้ที่กลุ่มคนจนแห่งโซซาขอความช่วยเหลือมา แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เธอก็มีเงินอยู่นิดเดียว เธอจึงได้แต่พึ่งด้วยการสวดขอด้วยความจริงใจจากพระผู้เป็นเจ้าที่จะมีต่อเด็กเหล่านี้ คุณโนคูโซลากล่าวว่าเธอไม่สามารถที่จะแสดงความรู้สึกขอบคุณได้อย่างเพียงพอ ขณะที่ประชาชนชาวโซซาตั้งแต่อดีตนานมา พวกเขาได้แสดงการขอบคุณต่อพระเจ้าด้วยการร้องเพลงที่ไพเราะและการเต้นที่สง่างาม

 

ในวันที่ 2 ธันวาคม ตามที่มีการแสดง ท่านอาจารย์พบว่ามีเด็กๆ ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลืออีก ท่านบริจาคอีก 100,000 แรน ทันทีตามที่มีผู้ขอ (16,666 ดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับคณะกรรมการอำนวยการสภาศาสนาสากลโลกเพื่อช่วยเรื่องอาหาร ที่พัก และการเดินทางแก่เด็กแอฟริกา 150 คนให้กลับเมืองดรูบัน ทางใต้ของแอฟริกา (ดูภาคผนวกซี) ท่านอาจารย์ยังได้สั่งให้ส่งเงินอีก 21,000 ดอลลาร์สหรัฐให้ “สถานที่หลบภัยของเด็กๆ “ ที่โยฮันเนเบอร์ก (ภาคผนวกดี) เมื่อได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับความต้องการในการช่วยเหลือเด็กกำพร้าเหล่านี้จากลูกศิษย์ในท้องถิ่นนี้

ท่านอาจารย์ ท่านปฏิบัติหน้าที่ของท่านในฐานะประชากรที่ดีคนหนึ่งของโลก ท่านมิเพียงแจกจ่ายทางด้านจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ท่านยังพยายามทำให้ดีที่สุดในการช่วยเหลือพี่น้องที่มีความจำเป็นเพื่อที่จะทำให้โลกนี้กลายเป็นสวรรค์ ขอบคุณท่านอาจารย์สำหรับการให้พวกเราได้รับเกียรติในการร่วมมือกับท่านในการเผยแพร่ที่สูงส่งเช่นนี้!

ภาคผนวกเอ
จดหมายชื่นชมจากคุณชาลี แรนเดิ้ล ของนักเต้นระบำซูลูสำหรับการบริจาคเงินของท่านอาจารย์ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ กล่าวว่าเธอจะนำกองทุนนี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการ ตามความประสงค์ของท่านอาจารย์ชิงไห่

ภาคผนวกบี
จดหมายชื่นชมจากคุณโนคูโซลา แมนเดล ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของสถาบันอิคามากู สำหรับการบริจาคเงิน 52,000 ดอลลาร์สหรัฐ ของท่านอาจารย์ให้กับชาวโซซาในแอฟริกาใต้

ภาคผนวกซี
ใบเสร็จรับเงินจากเรฟ เดิร์ค ฟิคคา ผู้อำนวยการบริหารสำหรับสภาศาสนาโลก ตอบขอบคุณการบริจาคเงิน 100,000 แรน (16,666 ดอลลาร์สหรัฐ) ของท่านอาจารย์ให้กับคนรุ่นถัดไปของดรูบัน แอฟริกาใต้

ภาคผนวกดี
ใบเสร็จจากสถานที่หลบภัยของเด็กๆ โยฮันเนสเบอร์ก แอฟริกาใต้ สำหรับการบริจาคเงิน 20,100 ดอลลาร์สหรัฐ