คำจำกัดความแท้ของ "การถ่ายทอดเหนือคำสอน"

 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ งานสัมมนาศาสนากับชาวจีนนาาชาติ ฟอร์โมซา
 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2543 (ต้นฉบับเป็นภาษาจีน)

 

: การยอมรับและทำความเข้าใจในความหมายที่แท้จริงของศาสนา ท่านทำการอธิบายเพิ่มเติมได้หรือไม่?

อ: สมมุติท่านออกไปรับประทานอาหารในภัตตาคาร และท่านทราบอย่างดีว่าอาหารร้านนี้อร่อยหรือไม่    ถ้าหากท่านกล่าวกับใครบางคนซึ่งกำลังอ่านรายการอาหารอยู่นอกร้านว่าน้ำซุปอร่อยเพียงใด และผัดผักรวมรสดีขนาดไหน และว่าท่านจะต้องกลับมาที่ภัตตาคารนี้อีกอย่างแน่นอน เขาจะเข้าใจสิ่งที่ท่านกล่าวหรือไม่? ก็น่าจะไม่ นี่คือปัญหา ทุก ๆ คนพูดเกี่ยวกับพระเจ้าและเทิดทูนพระองค์ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถติดต่อและคุยกับพระองค์ได้ หรือถามคำถามพระองค์ได้ บัดนี้พวกเราสามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะพวกเราได้ระลึกตัวตนเดิมแท้ของเรา เรามิใช่ร่างกายมนุษย์ธรรมดานี้ เรามีตัวตนมาก่อนที่จะกลายมาเป็นกายเนื้อนี้ และเราก็จะมีตัวตนต่อไปหลังจากที่ออกจากร่างกายนี้ไปแล้ว นั่นคือตัวตนเดิมแท้ของเรา เราได้สร้างการติดต่อและความสัมพันธ์กับตัวตนเดิมแท้นี้ ซึ่งเราเรียกว่า “พระเจ้าภายใน” หรือ “ธรรมชาติพุทธะภายใน”

ดังนั้นเราจึงตระหนักว่า พระเจ้ารักและปกป้องเราอย่างไร สอนเราทุก ๆ วัน และช่วยเราแก้ปัญหาอย่างไร และพัฒนาความเมตตากรุณาของเราอย่างไร เราสามารถปรึกษาพระองค์ได้เมื่อเรามีปัญหา บุคคลที่อ่านรายการอาหารอยู่ภายนอก เชิดชูพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่เคยพูดกับพระองค์ ดังนั้น แน่นอน จึงเป็นการยากที่เขาจะเข้าใจคำบรรยายของเรา ก่อนที่เขาจะได้ลิ้มชิมรสอาหาร มันเป็นการยากสำหรับเราที่จะพิสูจน์ให้เขาว่า อาหารอร่อยเพียงใด ฉันอาจจะไม่รอบรู้เท่าท่านศาสตราจารย์ เพียงสามารถกล่าวคำง่าย ๆ

เพราะ “เรากลายเป็นหนึ่งกับพระเจ้า” อย่างไรนั้นไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ในระหว่างเวลาถ่ายทอด เรา 2 คนเพียงนั่งในความเงียบ ในขณะที่การถ่ายทอดถูกกระทำจากจิตสู่จิต พระเจ้าคุยกับพระเจ้าภายในเรา และไร้ที่สำหรับคำพูด เราพูดจริงก่อนนั้น แต่เพียงจะบอกเธอว่า เธอควรนั่งอย่างไร ว่ามันไม่สำคัญว่า เธอนั่งขัดสมาธิหรือไม่ในขณะอยู่ในการทำสมาธิ และวิธีผ่อนคลายและว่าจะรวบรวมความคิดของเธอไว้ที่ไหน ดังนั้นเธอจึงเห็นพระเจ้าและสื่อสารกับพระองค์ได้ เหล่านี้เป็นเพียงคำสอนทางวาจา ต่อมา เมื่อการประทับจิตจริงเกิดขึ้น ไม่มีใครพูดสักคำ เช่นนี้คือการประทับจิต การถ่ายทอดจิตสู่จิต และ “การถ่ายทอดเหนือคำสอน”

มันถูกเรียกว่าเช่นนั้นเพราะมันไม่สามารถพบได้ในคำสอน เรามีพระเจ้าและพุทธะภายในเราจากตอนแรกทีเดียว ดังนั้นใครมีสิทธิ์สอนพุทธะหรือพระเจ้าว่าจะทำอะไร? มันเป็นไปได้เฉพาะหลังจากตัวตนเดิมของเราตื่น นี่เหมือนเอาเทียน 2 เล่ม เล่มหนึ่งจุดแล้ว พอเราแตะเทียนอีกเล่มหนึ่งกับเล่มนี้ มันก็เป็นประกายแจ่มใสด้วย คุณภาพของแสงแฝงอยู่เดิมในเทียน มันเพียงต้องการใครคนหนึ่งจุดมัน วิธีปฏิบัตินี้ไม่ต้องการคำพูดหรือคำสอน ไม่สำคัญว่าเธอพูดเกี่ยวกับมันหรือขอมันนับร้อยปีอย่างไรก็ตาม มันยังจะไม่เป็นประกายแจ่มใส