ถาม: ขอเรียนถามว่า
ทำไมคุณจึงคิดที่จะเป็นนักแสดง?
ตอบ:
คำถามนี้ตอบยาก อาจเป็นเพราะกรรมลิขิตที่ต้องเกิดมาเป็นนักแสดง
ตัวเองเป็นชาวยุโรป จึงเคยชินกับการค้นหาคำตอบที่สมเหตุสมผลของทุกๆ เรื่อง
แต่การเป็นนักแสดงไม่ได้เป็นเพราะสาเหตุภายนอก
แต่มันเกิดจากความรู้สึกที่อยู่ภายในลึกๆ
เพราะข้าพเจ้าคิดที่จะมอบบทกวีกับบทแสดงที่ข้าพเจ้าชอบมากให้กับท่านผู้ชม
เมื่อเยาว์วัยข้าพเจ้าก็ชอบนักอักษรศาสตร์ชิลเล่อร์
(นักกวีและผู้ประพันธ์บทละครชาวเยอรมัน) โดยเฉพาะเมื่ออายุได้ 13 ปี
ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปงานรำลึกการจากไปครบ 200 ปีของท่านชิลเลอร์
ที่ห้องประชุมโรงเรียนและเป็นผู้อ่านบทกวีของท่าน
ส่วนของบทกวีมีความหมายเกี่ยวกับจิตวิญญาณมาก
แม้ขณะนั้นข้าพเจ้ายังไม่ค่อยเข้าใจถึงความหมายของบทกวีนัก
แต่อาศัยความรู้สึกในขณะนั้น สามารถนำพาผู้ฟังเข้าสู่จินตนาการของบทกวีได้
ผลปรากฏในงานนั้นเงียบสงบ บรรยากาศเคร่งขรึม
เพื่อนนักเรียนฟังแล้วต่างซาบซึ้งกันมาก ข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่า
ความรักและความจริงจัง
สามารถทำให้ผู้คนซาบซึ้งได้และได้รับกำลังใจกับการยอมรับของทุกคน ดังนั้น
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจก้าวสู่งานการแสดง แม้ขณะนั้น
จะรู้บ้างไม่รู้บ้างเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ก็ตาม
แต่ข้าพเจ้าก็ตั้งใจที่จะก้าวไปสู่ทางนี้
ถาม:
เมื่อได้ยืนอยู่บนเวทีการแสดงต่อเสียงปรบมือของผู้ชม คุณมีความรู้สึกอย่างไร?
ตอบ:
เสียงปรบมือของผู้ชมบอกได้ว่าเป็นการตอบสนองที่อบอุ่นที่สุดสำหรับชาวศิลปิน
ไม่ว่าจะอยู่บนเวทีหรือที่กองถ่าย ผู้แสดงจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ
เพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวละครให้ได้จริงจังที่สุด
ถ่ายอดความทุกข์ที่คร่ำครวญอยู่ภายในของตัวละคนให้เห็นได้
เพื่อให้ผู้ชมสะทกสะท้านไปด้วย ดังนั้น
นักแสดงจึงต้องปล่อยวางตัวเองให้ได้ทั้งหมด
กำจัดความเหนียมอายซึ่งเป็นอุปสรรคทางจิต จากจุดดังกล่าว
การกล่าวชมของผู้ชมจึงเป็นการให้การยอมรับของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอน
ขณะที่แสดงอยู่นั้น
ผู้แสดงสามารถรู้สึกถึงความรู้สึกในการดึงดูดผู้ชมได้หรือไม่ แต่ว่า
เมื่อการแสดงจบลง เสียงปรบมือผู้ชมก็ยังคงทำให้ผู้แสดงมีความสุขใจ
สำหรับการตอบสนองจากใจจริงนี้ ก็ให้รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
ถาม:
ขอให้คุณเล่าเรื่องที่ได้มารู้จักกับท่านอาจารย์ชิงไห่?
ตอบ:
การได้มารู้จักกับท่านอาจารย์ชิงไห่เป็นเรื่องที่โชคดีจริงๆ!
เมื่อปี 2539 เป็นบุญสัมพันธ์ครั้งหนึ่ง
ข้าพเจ้าได้ไปร่วมงานการพบปะสังสรรค์ที่ศูนย์มิวนิค
ข้าพเจ้าได้รู้จักเพื่อนบำเพ็ญที่มีปัญญามากมายที่นั่น และได้ชมวิดีทัศน์ของอาจารย์
ข้าพเจ้ากับสามีแสวงหาเกี่ยวกับจิตวิญญาณมาหลายปี
คำสอนที่ได้พบส่วนมากจะไม่มีเกี่ยวกับจิตวิญญาณภายในอย่างแท้จริง
มีแต่เปลือกและพิธีการภายนอก ไม่ถูกกับคำบันทึกของคัมภีร์ ทั้งยังเข้าใจยาก
ในขณะที่กำลังแสวงหาสัจธรรมอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ก็ได้มาพบกับท่านอาจารย์
ความรู้สึกนั้นเหมือนกับถูกไฟดูดเอา เหมือนกับถูกกรอกสติปัญญาเข้าไปในมันสมอง!
วิดีทัศน์ในขณะนั้น ท่านอาจารย์กำลังกล่าวถึงพระเยซู
คำพูดที่ง่ายๆ แต่ลึกซึ้งของท่านอาจารย์
ทำให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าใจอย่างง่ายดาย เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกลึกๆ
บอกข้าพเจ้าว่า มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถตอบคำถามจากภายในของข้าพเจ้าได้
ต่อมาข้าพเจ้าโชคดีที่ได้พบท่านอาจารย์และเริ่มวิเคราะห์คำสอนของท่านอย่างจริงจัง
และจากการประทับจิต จึงได้รู้จักกับท่านอาจารย์ที่อยู่ภายในตนเอง
ความก้าวหน้าในด้านจิตวิญญาณที่ไม่มีวันหยุดนิ่งนั้น ครั้งแรกที่ได้ชมวิดีทัศน์ของท่านอาจารย์
ความรู้สึกในขณะนั้นได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ท่านคือผู้ที่ข้าพเจ้าต้องการแสวงหา
จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้เป็นอันขาด
ถาม:
คุณได้พบกับท่านอาจารย์ชิงไห่ที่ประเทศฝรั่งเศส
ขณะนั้นอยู่ที่กรุงปารีสใช่หรือไม่?
ตอบ: ใช่
พบท่านในงานแสดงแฟชั่นโชว์ เสื้อผ้าจากสวรรค์
วันนั้นท่านอาจารย์มีความสนุกสนานมาก พวกเราความจริงมีธุระที่จะต้องจากไปก่อน
ท่านอาจารย์ถามพวกเราพวกเราว่าทำไมจึงยืนอยู่ พวกเราตอบว่ากำลังจะไป
ท่านอาจารย์กลับบอกว่า "ไม่ต้องรีบร้อน ยังมีเวลาพอ"
แล้วท่านก็เข้ามาดอบกอดพวกเราทั้งสี่ไว้ ขณะนั้นข้าพเจ้าตกใจว่า คิดในใจว่า
"โอ พระเจ้า! ข้าพเจ้าต้องรีบออกไปให้ได้
ข้าพเจ้าอุ้มพระเจ้าไว้ไม่ได้!
มันไม่เป็นการเคารพพระองค์!
ท่านอาจารย์ได้ทราบความคิดข้าพเจ้าทันที
รีบปล่อยมืออย่างรวดเร็วต่อมาข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจมาก!
จากนั้นท่านอาจารย์ก็เอาหน้าผากมาแนบกับหน้าผากข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกวิเศษสุด!
ท่านสามารถทราบถึงความต้องการของแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ แล้วให้การตอบสนอง
ตามที่พวกเขาต้องการ
หลังจากนั้น
พวกเราก็นั่งลงด้วยกันและร่วมร้องเพลงกับท่านอาจารย์เพลงหนึ่ง
อาจเป็นเพราะเซลล์แห่งศิลปินของท่านทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้ง
ท่านกับข้าพเจ้าต่างมีจุดพิเศษของนักแสดงด้วยกัน
ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกมีความใกล้ชิด
เราทั้งสองร่วมร้องเพลงพื้นเมืองที่สนุกของเยอรมัน "หมวกของข้าพเจ้ามี 3 เขา"
ข้าพเจ้าหัดร้องเพลงนี้ที่เบอร์ลิน ส่วนท่านอาจารย์ไปหัดร้องได้ที่มิวนิค
พวกเราทั้งสองจึงรู้สึกมีความสนิทสนมมาก
|